วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อะบาโลน คอลลาเจน โกลด์ ในน้ำมิกซ์ เบอร์รี่




เครื่องดื่ม อะบาโลน คอลลาเจน โกลด์ ในน้ำมิกซ์ เบอร์รี่ 100% จากเบอร์รี่ 14 ชนิด ผสมไซเดอร์ (ตรา กิฟฟารีน)

Giffarine Abalone Collagen 3x เพิ่มปริมาณคอลลาเจนเป็น 3 เท่า
ขนาดขวดละ 50 มล. 
บรรจุ 6 ขวด 
ราคา 900 675 บาท

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ใหม่... กิฟฟารีน กลูต้าเคอร์คิวมา ซี-อี Giffarine Gluta Curcuma C-E มีกลูตาไธโอนที่ผ่านกรรมวิธีอ๊อกซิไดซ์ ถึง 250 มก. พร้อมวิตามินซี และอี ในน้ำรสขมิ้น 10% หอมอร่อย ดื่มง่าย

ขนาดขวดละ 50 มล. 
บรรจุ 6 ขวด 
ราคา 440 330 บาท

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กลามอรัส บูเต้ อัลตร้า ยูวี บล็อก เอสพีเอฟ 70 พีเอ+++



กลามอรัส บูเต้ อัลตร้า ยูวี บล็อก เอสพีเอฟ 70 พีเอ+++

อีกระดับของการปกป้องคุ้มกันผิวคุณจากรังสียูวี ด้วยเทคโนโลยีใหม่จากประเทศญี่ปุ่น เอกสิทธิเฉพาะกิฟฟารีน เพื่อผิวสวยของชาวเอเชียที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงแสงแดด

- มอบการปกป้องและคุ้มกันผิวที่เข้มข้นกว่าจากการแผดเผาของแสงแดด (Photostable Protection) ด้วย Ultra UVA Protection สารป้องกันรังสี UVA ที่มีประสิทธิภาพสูง และสารป้องกันรังสี UVB ที่มีระดับสูงอย่างต่อเนื่อง (Higher Absorbance)

- ปกป้องผิวจากการคุมคามของสภาวะแวดล้อม ด้วย Powerful Antioxidant สารต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง

- ปรนนิบัติผิวให้ชุ่มชื่นและแลดูกระจ่างใส ด้วย Radiance CR จาก DSM สวิตเซอร์แลนด์

- มอบประสิทธิภาพสูงในการกันน้ำ น้ำมันจากผิว และเหงื่อ

- มอบเนื้อสัมผัสอันบางเบา ล่องหนเนียนสนิททุกสีผิว ให้คุณรู้สึกได้ถึงความแตกต่างทันที ที่เนื้อโลชั่นสัมผัสผิว

วิธีใช้ : เขย่าขวดให้โลชั่นเป็นเนื้อเดียวกันก่อนบีบลงบนฝ่ามือในปริมาณที่มากพอสำหรับไล้โลชั่นได้ทั่วผิวหน้า ควรใช้ทุกเช้าหลังการบำรุงผิว ก่อนแต่งหน้า หรือก่อนผจญแสงแดด ควรทาโลชั่นเพิ่มเติมหลังจากออกแดดเป็นเวลานาน

รหัส 10110
ราคาปกติ 580 บาท
ราคาสมาชิก 435 บาท





วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เครื่องกรองน้ำ Giffarine Safe Plus

เครื่องกรองน้ำ Giffarine Safe Plus

เครื่องทำน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ....
สำหรับคุณและคนที่คุณรัก

คุณสมบัติของใส้กรอง
A. ไส้กรองหินแร่ Mineral stonr
     เพื่อแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และปรับดุลน้ำเป็นด่างอ่อนๆ

B. ชุดใส้กรอง 4 ชั้น
     1. ผ้ากรองพิเศษ ช่วยกรองฝุ่นตะกอน สารแขวนลอยต่างๆ
     2. ชั้นสารกรอง KDF-55
         (ได้รับการรับรองจาก NFS Internation : USA)
         เป็นเทคโนโลยีสารกรองใหม่ล่าสุดจากอเมริกา ช่วยกรองสารเคมี คลอรีน โลหะหนัก ลดแบคทีเรียและสาหร่ายน้ำ ช่วยยืดอายุการทำงานของสารกรองตัวอื่น
     3. ชั้นกรองไฮแอบซอบชั่น เพาเวอร์คาร์บอน (GAC)
         (มาตรฐาน U.S. Food Chemical Codex)
         ช่วยกรองรส, กลิ่น, สี สารอินทรีย์ และสารตกค้างต่างๆ ที่ปนเปื้อนมาในน้ำ รวมทั้งสารคลอรีน โลหะหนัก เคมีเกษตร เคมีอุตสาหกรรมและอาคารบ้านเรือน
     4. ชั้นสารกรอง คาร์บอนเคลือบเงิน (SIAC)
         (มาตรฐาน U.S. Food Chemical Codex)
        ช่วยป้องกัน และยับยั้งการเกิดแบคทีเรียในนำได้อย่างดีเยี่ยม

C. ชุดแม่เหล็ก Magnetic Plates
     ช่วยเพิ่มพลัง แมกนีไทเซชั่น จากแม่เหล็ก ทำให้น้ำเป็นน้ำดื่มที่ดีต่อสุขภาพ


ราคาเครื่องกรองน้ำ Giffarine Safe Plus
รหัส   37026
ราคาปกติ 6,800 บาท
ราคาสมาชิก 5,100 บาท


---------------------------------------------------------------------------------------




เยือกกรองน้ำ กิฟฟารีน เซฟ เพียวริแมก

ราคาเยือกกรองน้ำ กิฟฟารีน Safe PuriMag
รหัส 37037
ราคาปกติ 1,600 บาท
ราคาสมาชิก 1,200 บาท

เครื่องกรองน้ำ Giffarine Extra Pure

เครื่องกรองน้ำ Giffarine Extra Pure
เครื่องกรองน้ำ Giffarine Extra Pure
เครื่องกรองน้ำกิฟฟารีนเอ็กซ์ตร้าเพียว ควมสมบูรณ์แบบเพื่อชีวิตที่นำสมัย
     เป็นเครื่องกรองน้ำคุณภาพสูง ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย (Food grade) ด้วยมาตรฐานการผลิต (ISO9001:2000) เริ่มจาก พรีฟิวเตอร์ (Pre-Filter) ระบบปกป้องเครื่องและกรองหยาบช่วยปรับระดับแรงดันน้ำให้เหมาะสมกับการกรอง สารกรองพิเศษ KDF-55 เทคโนโลยีสารกรองที่สามารถกำจัดโลหะหนัก สารเคมีปนเปื้อนตลอดจนเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม สารกรอง GAC และ SIAC กำจัดคลอรีน สี กลิ่น รส ทำให้น้ำมีรสชาติจืดสนิท ดื่มได้ทุเพศ ทุกวัย เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบกำจัดเชื้อโีรคอีกชั้นด้วยระบบ UV ประสิทธิภาพสูงนอกจากนี้ยังมีระบบแม่เหล็กเพื่อปรับคุณภาพของน้ำ (Magnetised water) เพื่อประโยชน์สูงสุดแห่งน้ำดื่ม และคุณสมบัติที่เหนือกว่าด้วย ระบบป้องกันแบคทีเรียย้อนกลับที่ปลายก๊อกและท่อน้ำสะอาด (ARBG) ซึ่งได้รับรองอนุสิทธิบัตรรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย พร้อมด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น สวยงามล้ำสมัย หรูหรา มีระดับ เหมาะกับบ้านหลังงามของคุณ

รหัส  37043
ราคาปกติ  21,000 บาท
ราคาสมาชิก 15,750 บาท



และนี้คือเครื่องกรองน้ำกิฟฟารีนเอ็กซ์ตร้าเพียว ความสมบูรณ์แบบเพื่อชีวิตที่นำสมัยอย่างแท้จริง



คุณภาพ มาตรฐาน และการบริการ
- ผลิตจากโรงงานมาตรฐานสากล ISO 9001: 2000
- คัดสรรวัสดุคุณภาพระดับ FOOD GRADE
- ตัวเครื่องรับประกัน 2 ปี
- ง่ายต่อการบำรุงรักษา
- มีอะไหล่ตลอดอายุการใช้งาน
- ให้ความประหยัดกว่าในระยะยาว



กิฟฟารีนเรามีอะไหล่เปลี่ยน ไม่ต้องห่วงเรื่องซ่อม


รหัส  37043
ราคาปกติ  21,000 บาท
ราคาสมาชิก 15,750 บาท

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เครื่องดื่มอะบาโลนคอลลาเจน ผสมน้ำทับทิม 10% ตรากิฟฟารีน


เครื่องดื่มอะบาโลนคอลลาเจน ผสมน้ำทับทิม 10% ตรากิฟฟารีน

ซื้อ Giffarine Abalone Collagen  10 กล่อง
ราคา 3,900 บาท(ปกติราคา 5,200 บาท)  รับฟรีอีก 1 กล่อง 
 

ยอดขายกว่า 10 ล้านขวดใน 10 เดือน
คุณล่ะ...ลองหรือยัง

 คุณประโยชน์จากคอลลาเจนสด.
  1. ช่วยบำรุงผิว ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย กระชับรูขุมขน ชะลอความเสื่อมของผิว
  2. ช่วยสร้างโปรตีนทุกชนิดในร่างกาย และสร้างเคอราตินของผม และเล็บ
  3. ช่วยบำรุงกระดูกอ่อนรองข้อต่างๆ เช่น ข้อเข่า ช่วยลดการเสียดสีของข้อกระดูก
  4. ช่วยลดการอักเสบจากการปวดข้อได้ เป็นการป้องกันโรคข้อเสื่อมในอนาคต
  5.  มีไลโคปิน ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก
    เห็นผลอย่างรวดเร็วใน 15 วัน
    เมื่อรับประทานติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง

    คุณประโยชน์ของทับทิม
    1.  ช่วยในระบบฟอกโลหิต (ล้างสารพิษ) และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย
    2. ช่วยบำรุง และฟื้นฟูการทำงานระบบหัวใจ ตับ (ป้องกันการเป็นพิษต่อตับจากสารพิษ)
    3. ช่วยบำรุงไต และท่อปัสสาวะ
    4. ขจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยป้องกันอาการแพ้ท้อง ทำให้ผิดสวย
    5. บำรุงกำลัง ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
    6. ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และเพิ่มพลัง
    7. มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
    8. ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด
    9. สามารถลดไขมันที่อุดตันในเส้นเลือดที่เป็นอยู่น้อยลงได้
    10. ลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ถ้ารับประทาน 1 ขวด/วัน
    11. สามารถยับยั้งการก่อเซลล์มะเร็งเต้านม 80%
    12. ควบคุมการทำงานของอินซูลิน ช่วยฟื้นฟูในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
    13. ช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการจุกเสียด
    14. ลดอาการวูบวาบ วิงเวียน และอ่อนเพลียในผู้ป่วยช่วงวัยทอง

    ส่วนประกอบสำคัญ
    โซลูเบิ้ลอะบาโลนคอลลาเจน 10% น้ำทับทิม 90%
    ไม่แต่งกลิ่น ไม่เจือสี ใช้วัตถุกันเสีย ใช้มอลติทอลเป็นวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล

    วิธีรับประทาน
    เพื่อรสชาติที่ดี ควรแช่เย็น และเขย่าขวดก่อนดื่ม และดื่มให้หมดหลังเปิดฝา วันละ 1-2 ขวด

    7 วันแรกทานวันละ 2 ขวด เช้า และก่อนนอน ตอนท้องว่าง ตามด้วยน้ำ 1-2 แก้วจะดีมาก 
    วันที่ 8 ทานวันละขวด ไปเรื่อยๆ หรือ วันเว้นวัน 

    คำแนะนำ: อะบาโลนคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบที่ผลิตจากธรรมชาติ ควรเก็บในที่เย็น 4-8 องศาเซลเซียส ห้ามรับประทานในผู้แพ้อาหารทะเลประเภทหอยเป๋าฮื้อ

    (ผลิตภัณฑ์นี้ผลิตจากคอลลาเจน และน้ำทับทิม จึงมีตะกอนธรรมชาติซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ)

    ขนาดขวดละ 50 มล.
    บรรจุ 6 ขวด
    ราคา 520 390 บาท 

    ต้องทานอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 4 กล่อง จึงจะเห็นผล ราคา 2,080 1,560 บาท ทานได้ประมาณ 2 สัปดาห์

    สั่งซื้อสินค้า และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณทัศนีย์วรรณ์ (น้องออย)
    โทรศัพท์ 082-1853199
    อีเมล์ tana1476@gmail.คอม

    Grandeur แกรนเดอร์


    Grandeur
    แกรนเดอร์


    สารสำคัญที่น่ารู้
    Foods for Skin & Hair

    คอลลาเจนจากปลาทะเล
        การเสริมสร้างคอลลาเจน มีผลทำให้ริ้วรอยที่ปรากฎลดน้อยลงหรือจางหายไป และมีงานวิจัยว่าคอลลาเจนจากปลาทะเลเพิ่มความนุ่มนวลชุ่มชื่น และความยืดหยุ่นให้แก่ผิวพรรณได้.

    สารสกัดจากชาเขียว
        มี Polyphenol ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการแก่ของทุกเซลล์ นอกจากนี้ยังเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของผิวต่อการเกิดมะเร็ง และอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งอีกหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร.

    กรดอัลฟาไลโปอิก
        เป็นโคเอนไซม์ที่สำคัญในวงจรการเผาผลาญอาหาร และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยบำรุงเส้นประสาทในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานอีกด้วย.

    สารสกัดจากยีสต์
        มี Beta-glucan ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของผิวต่อเชื้อโรค มลภาวะ และชะลอการเสื่อมของเซลล์ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลาย เสริมสร้างคอลลาเจนทำให้ผิดเต่งตึง ลดเรื่องริ้วรอย.

    สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
        เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดตัวหนึ่งของโลก ยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ช่วยออกฤทธิ์ปกป้อง และลดความเสื่อมสภาพผิว ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากภายใน และป้องกันการทำลายผิวจากอนุมูลอิสระ.

    สารสกัดจากบิลเบอรี่
        มีสารในกลุ่มแอนโธซัยยานิน (anthocyanins) คล้ายกับสารสกัดองุ่นเช่นกัน คือมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ มีงานวิจัยว่าสารจากบิลเบอรี่ ช่วยบำรุงการทำงานของเซลล์สมอง และลดการเจริญของมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจำนวนหนึ่งที่บอกว่าอาจมีผลบำรุงจอตาอีกด้วย.

    ไลโคพีน
        เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก ช่วยการไหลเวียนของโลหิตบริเวณผิวหนัง มีฟลาโวนอยด์ซึ่งมีส่วนบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวดูสดใสสวยงาม และมีชีวิตชีวา.

    โคเอนไซม์คิวเทน
        เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อเสียง และมีงานวิจัย ตลอดจนมีการทำเป็นอาหารเสริมทั่วโลก Co-Q10 ออกฤทธิ์ยับยั้งการเกิดเส้นเลือดตีบตัน (Atherosclerotic) ด้วยกลไกการยับยั้งออกซิเดชั่นของไขมันในเลือดชนิดแอลดีแอล (ส่วนมากเป็นโคเลสเตอรอล).

    วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2
        ป้องกันโรคเหน็บชา กระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างการ บำรุงระบบประสาท เสริมสร้างบำรุงเยื่อบุผิว.

    ซีลีเนียม
        ช่วยผสานการทำงานในการต่อต้านอนุมูลอิสระ.

    สังกะสี
        จำเป็นต่อสุขภาพผิวหนัง และระบบประสาทกลาง การขาดสังกะสีทำให้เล็บเป็นจุดขาว เกิดรอยขีดข่วนบนผิวหนัง มีการเจริญทางเพศช้า เบื่ออาหาร ต่อมลูกหมากโต.

    โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง
        ในถั่วเหลืองมีสารจีเนสทีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นฮอร์โมนจากพืช มีประโยชน์ในสตรีหมดประจำเดือน ยังมีรายงานว่ามีประโยชน์ในโรคหัวใจ โรคกระดูกบาง นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งหลายชนิด.

    สารสกัดจากสนหางม้า
        มีสาร Silicon ที่มีส่วนประกอบสำคัญของโปรตีนคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวหนังกระชับ และแข็งแรงขึ้น เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผล และเล็บ ทำให้มีความยืดหยุ่นที่ดี ไม่เปราะแตกง่าย.

    แอล-กลูตาไทโอน
        เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งในร่างกาย โดยช่วยให้ร่างกายสร้าง Enzyme Glutathione Peroxidase ซึ่งเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยา และลดความเป็นพิษต่อตับจากสารอันตรายต่างๆ ที่ปนเปื้อนมากับอาหาร.


    Grandeur
    แกรนเดอร์

    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอลลาเจนจากปลาทะเล ผสมสารสกัดจากชาเขียว กรดอัลฟาไลโปอิก สารสกัดจากยีสต์ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารสกัดจากบิลเบอรี่ ไลโคพีน โคเอนไซม์คิวเทน วิตามิน และแร่ธาตุ ชนิดแคปซูล ตรา กิฟฟารีน




    ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล
    โปรตีนคอลลาเจนจากปลาทะเล 200 มก.
    สังกะสี 7.5 มก.
    สารสกัดจากสนหางม้า 35 มก.
    วิตามินซี 30 มก.
    โพลีฟีนอล 17.5 มก.
    กรดอัลฟาไลโปอีค 25 มก.
    สารสกัดจากถั่วเหลือง 24.9 มก.
    เบต้ากลูแคน 6 มก.
    สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 10 มก.
    วิตามินอี 3.75 หน่วยสากล
    สารสกัดจากบิลเบอรี่ 5 มก.
    แอล - กลูตาไทโอน 5 มก.
    ไลโคพีน 0.5 มก.
    โคเอนไซม์คิวเทน (Co-Q10) 5 มก.
    ซิลีเนียม 35 มคก.
    วิตามินบี 2 0.85 มก.
    วิตามินบี 1 0.75 มก.

    วิธีรับประทาน รับประทานวันละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหาร
    คำเตือน อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
    ขนาด 60 แคปซูล รหัส 41004 ราคา 1,400 1,050 บาท

    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโสม


    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโสม

    Ginseng


             โสมเป็นพืชสมุนไพรที่มีคนรู้จักมากที่สุดในโลก โสมถือเป็นราชาแห่งสมุนไพรทีเดียว และถูกนำมาใช้เป็นเวลานานกว่า 2000 ปีแล้ว โสมมีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ คือ โสมเอเชีย เช่น จีน เกาหลี (Panax ginseng, C.A. Meyer) โสมอเมริกัน และแคนาดา (Panax quinqquefolium) และโสมไซบีเรีย (Eleuthero - coccus senticosus) แต่อย่างหลังสุดไม่ใช่โสมที่แท้จริงตามสายพันธุ์ของโสม แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีระบบการทำงานคล้ายโสม โสมเอเชียมีถิ่นกำเนิดในตอนเหนือของจีน เกาหลี และประเทศสหรัฐอเมริกา ในตำรายาแผนโบราณของจีนระบุว่า โสมเป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ระบบย่อยอาหาร และปอด ช่วยทำให้จิตใจสงบ และเพิ่มพละกำลังโดยส่วนรวม.

    สำหรับสรรพคุณทางวิชาการทางการแพทย์ที่น่าสนใจรวมถึง
    ความปลอดภัย มีดังนี้.
    ช่วยบำรุงหัวใจ โสมมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงหัวใจโดยออกฤทธิ์คล้ายกับยาหัวใจ (digoxin)

    ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด มีงานวิจัยในผู้ป่วยผ่าตัดหัวใจ (Cardiac surgery) มีการลองให้โสม และวัดทั้งการบีบตัวดูผลของการขาดออกซิเจนด้วย.

    เสริมประสิทธิภาพทางเพศในชาย มีงานวิจัยในผู้ป่วยที่มีปัญหาองคชาติไม่แข็งตัว (Erectile dysfunction) 45 ราย โดยรับประทานโสมเกาหลีปริมาณ 900 ม.ก. 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในการประเมินอย่างละเอียดทุกด้าน โสมจึงช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย.

    ลด และป้องกันมะเร็ง มีงานวิจัยของเกาหลีพบว่า การรับประทานโสมเกาหลีเป็นเวลานาน สามารถลดอุบัติการณ์ของมะเร็งตับลงได้ ด้วยการทำงานในด้านการต้านอัลฟาทอกซินบี และยูรีเทน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยพอควรในมะเร็งตับ แต่ก็ยังไม่สามารถลดมะเร็งตับจากการดื่มสุราหรือสาเหตุอื่นได้ในการวิจัยย้อนหลัง (Case control study) ความเสี่ยง และสารป้องกันการเกิดมะเร็งในคนพบว่า ในคนที่ทานโสมมีอุบัติการณ์หรือมีโอกาสเป็นมะเร็งลดลงอย่างมาก มะเร็งที่ลดลงเมื่อทานโสมได้แก่ มะเร็งริมฝีปาก ช่องปาก และลำคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมีนักวิทยาศาสตร์ชาวไต้หวัน คือ ดร. Chang YS ก็ตีพิมพ์งานวิจัยแนะนำว่า ถึงเวลาแล้วที่โสมจะเป็นหนึ่งในทีมยารักษาโรคมะเร็งได้แล้ว.

    โสมมีสรรพคุณช่วยในเรื่องโรคปอดเรื้อรังชนิดที่พบบ่อยที่สุด คือโรคถุงลมโป่งพอง(COPD) โรคนี้พบได้บ่อยมากเพราะเป็นผลงานของการสูบบุหรี่ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน งานวิจัยของโสมแบบการทดลองที่มีกลุ่มควบคุมชัดเจน ได้ทำให้ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง 92 คน แบ่งเป็นกลุ่มวิจัยที่ได้สารสกัดโสมวันละ 200 มก. 49 คน และกลุ่มควบคุมได้รับยาหลอกอีก 43 คน เป็นเวลา 3 เดือน พบว่ากลุ่มที่ได้รับโสมมีสมรรถภาพทางปอดดีขึ้นอย่างมากในทุกด้าน โดยไม่มีผลข้างเคียง แต่กลุ่มที่ได้รับยาปลอมไม่มีผลดีขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้น ถ้าจะทานโสมในผู้ที่เป็นโรคนี้ก็น่าจะเกิดประโยชน์ เพราะมีงานวิจัยนี้สนับสนุนอยู่แล้ว.

    โสมมีความปลอดภัยสูง สามารถรับประทานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลายาวนาน ผลข้างเคียงมีน้อยมาก ที่พบได้มีแค่อาการปวดศรีษะ และทางเดินอาหาร และรบกวนการนอนหลับเท่านั้น ยาที่ไม่ควรทานร่วมกับโสมก็มีเพียงสามสี่ตัว คือ ยาต้านการแข็งตัวของเลือดอย่างแรงชื่อ warfarin ยากระตุ้นหัวใจชื่อ digoxin ยาแก้เศร้าชื่อ Pheneizine และสุรา อาจมีการรบกวนประจำเดือน อาการเจ็บหน้าอกขณะมีประจำเดือน และก็มีรายงานถึงคนที่แพ้ได้อย่างรุนแรงได้ โดยมีอาการทางผิวหนัง แต่ทั้งหมดนี้เกิดได้น้อยมาก อย่างไรก็ตามมีข้อแนะนำว่าหากต้องการให้ปลอดภัยที่สุด ไม่ควรทานโสมกับยาแอสไพริน รวมถึงไม่ควรทานอย่างยิ่งในสตรีตั้งครรภ์ และเด็ก ไม่ควรทานในคนที่ตับอักเสบคือมีเอนไซม์ของตับสูงอยู่แล้ว (ไวรัสตับอักเสบบีที่เป็นพาหะยังไม่มีเอนไซม์สูงจะทานได้) หรือตับอักเสบจนตัวเหลือตาเหลือง หรือตับโต ดังนั้น ถ้าเรามีโรคประจำตัวควนถามหมอของเราก่อนว่าจะทานได้ไหม และเนื่องจากโสมเป็นของร้อน บางคนทานแล้วก็หงุดหงิด ถ้าอยากจะทานให้เป็นยาอายุวัฒนะจริงๆ ก็ให้ทานร่วมกับใบบัวบก ซึ่งเป็นของเย็นจะดีที่สุด ซึ่งคนอายุยืนมากๆ ก็ทานโสมกับใบบัวบกเป็นประจำ.


    Ginseng Capsule
    ยาโสมเกาหลี ชนิดแคปซูล ตรา กิฟฟารีน

    ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูล รากโสม 500 มก.
    วิธีรับประทาน รับประทานครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหาร
    รหัส 48010 ขนาด 30 แคปซูล ราคา 680 510 บาท.-
    ง่าย และสะดวกต่อการรับประทาน
    ผลิตโดย บริษัท สกายไล

    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลูทีน และซีแซนทีน


    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลูทีน และซีแซนทีน
    Lutein & Zeaxanthin
    ลูทีนและซีแซนทีนมีประโยชน์ต่อดวงตาอย่างไร?

    ลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด เป็นสารในตระกูลของสารแคโรทีนอยด์ และพบได้ในบริเวณดวงตา ตรงบริเวณเลนส์ตา และจอรับภาพของตา ในธรรมชาติแล้วแม้จะมีแคโรทีนอยด์มากกว่า 600 ชนิด แต่มีเพียงสาร 2 ชนิดนี้เท่านั้นที่พบในจุดรับภาพของจอตา สารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และช่วยป้องกันเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงทำหน้าที่บำรุงตา ทำให้จอตาไม่เสื่อมเร็ว พืชผักที่มีสารลูทีน และซีแซนทีน โดยมากมักจะเป็นผักผลไม้ที่มีสีเหลือง และสีเขียวเข็ม เช่น ข้าวโพด แครอท ฟักทอง ผักกาด ผักปวยเล้ง คะน้า ผักโขม ฯลฯ การบริโภคพืชผักที่มีลูทีน และซีแซนทีน หรือแม้แต่อาหารสุขภาพที่มีสาระสำคัญนี้มีประโยชน์ในโรคหลายชนิดด้วยกัน ที่สำคัญคือ โรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพเสื่อม.

    โรคต้อกระจก
    คือ ภาวะที่กระจกตาหรือเลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ ตามปกติโรคต้อกระจกตาไม่ใช่โรคติดต่อ ต้อกระจกจะค่อยๆ เสื่อมไปช้าๆ ใช้เวลาเป็นปี และสามารถรักษาด้วยการผ่าตัด.

    โรคจุดรับภาพเสื่อม
    เกิดจากการเสื่อมของจุดรับภาพ (Macular) ซึ่งเป็นกลางจอตา (Retina) ทำให้การมองเห็นภาพเบลอบิดเบี้ยว บางครั้งอาจรุนแรงขนาดเห็นจุดดำมาบังภาพอยู่ตลอดเวลา.

    ลูทีนและซีแซนทีนกับโรคต้อกระจกตา
    กลไกของลูทีน และซีแซนทีน สามารถลด ป้องกันหรือชะลอการเกิดต้อกระจกได้นั้น เป็นเพราะลดกลไกการเกิดความเสื่อมของโรคต้อกระจกโดยตรง และการที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพราะอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดต้อกระจก มีการวิจัยในกลุ่มผู้สูงอายุต่างๆ พบว่ากลุ่มที่มีระดับของลูทีน และซีแซนทีนในกระแสเลือดสูงจะมีความขุ่นของเลนส์ตาน้อยกว่า ซึ่งเป็นการวิจัยของจักษุแพทย์ และผู้วิจัยสรุปว่า ลูทีน และซีแซนทีน น่าจะลดการเกิดความเสื่อมของเลนส์ตาในผู้สูงอายุได้จริง  ยังมีการวิจัยว่าการรับประทานลูทีนในปริมาณสูงเพิ่มความสามารถในการมองเห็นของผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกไปแล้ว การวิจัยนี้เป็นการวิจัยที่ออกแบบแผนการวิจัยมาอย่างดี และทำการทดลองนานถึงสองปี .

    การวิจัยที่ Harvard School of Public Health, Boston ในผู้ชาย 36,644 คน ที่ได้รับอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ พบว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมเป็นลูทีน และซีแซนทีน จะลดความเสื่อมของโรคต้อกระจกถึง 19% และที่ University of Massachusetts ทำวิจัยในสุภาพสตรีถึง 50,461 คน พบว่า ลูทีน และซีแซนทีนจะลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกถึง 22% การวิจัยที่ University of Wisconsin Madison Medical School ในผู้สูงอายุ 43-48 ปี จำนวน 1,354 คนพบว่าช่วยลดการอุบัติการณ์ของต้อกระจกตรงกลางเลนส์ (Nuclear Cataracts)ได้ถึง 50% จากการวิจัยทั้งหมดนี้จึงเป็นที่ยอมรับว่า ลูทีน และซีแซนทีนลดอุบัติการณ์โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้จริง.

    ลูทีน และซีแซนทีนกับโรคจุดรับภาพเสื่อม
    นอกจากลูทีน และซีแซนทีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกแล้ว ยังพบว่ามีประโยชน์ในโรคจุดรับภาพเสื่อม ซึ่งมีหลายๆ การศึกษาสนับสนุนข้อมูลดังกล่าว โดยพบว่าปริมาณลูทีน และซีแซนทีนในลูกตาลดน้อยลง จะพบความเสื่อมมากขึ้นในการเป็นโรครับภาพเสื่อม และความเสี่ยงในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อมจะลดลง หากมีปริมาณลูทีน และซีแซนทีนในเลือดสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่า การบริโภคอาหารที่มีลูทีน และซีแซนทีน สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้.


      LZvit
      แอล ซี วิต
      ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน และซีแซนทีน ตรา กิฟฟารีน
      ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล
      ลูทีน 3.15 มก. และซีแซนทีน 3.15 มก.
      วิธีรับประทาน รับประทานวันละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหาร
      รหัส 40112 ขนาด 30 แคปซูล ราคา 560 420 บาท.-
      คำเตือน อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค.

      เรื่องน่ารู้ของโคลีน และวิตามินบี-คอมเพล็กซ์


      เรื่องน่ารู้ของโคลีน และวิตามินบี-คอมเพล็กซ์

      Choline & Vitamin B Complex


      สรุปคุณสมบัติของโคลีน
      1. เป็นสารอาหารที่จำเป็น และช่วยในการทำงานของระบบประสาท เช่น ความจำ และการทำงานของกล้ามเนื้อ
      2. ช่วยในการขนส่งไขมัน และโคเลสเตอรอล ช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด และหลอดเลือดหัวใจ
      3. ช่วยในการทำงานของตับให้เป็นปกติ  การขาดโคลีนในสัตว์ทดลอง ทำให้มีไขมันสะสมในตับ และนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับ

      สรุปคุณสมบัติของวิตามิน บี คอมเพล็กซ์.
      1. ช่วยในการทำงานของระบบประสาททั้งหมดในร่างกาย.
      2. ช่วยรักษาโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินบี เช่น เหน็บชา เส้นประสาทอักเสบ ตากระตุก ปากนกกระจอก ผิวหนังหยาบ ผิวหนังอักเสบ ลิ้นอักเสบ และโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี.

        โคลีน
           โคลีนเป็นสารอาหารสำคัญตัวหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มีความสำคัญต่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างของผนังเซลล์ (Structural integrity of cell membranes) เมตาบอลิซึมของเมธิล (Methyl metabolism) การส่งผ่านของกระแสประสาท (Cholinergic neurotransmission) การส่งสัญญาณผ่านผนังเซลล์ (Transmembrane signaling) และเมตาบอลิสม กับการขนส่งของไขมัน และโคเลสเตอรอล.

        โคลีนเป็นสารตั้งต้นหลักในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า อะเซททิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่ง Acetylcholine นี้เป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความจำ การควบคุมกล้ามเนื้อ และหน้าที่อื่นๆ อีกหลายอย่าง ดังนั้นโคลีนจึงมีผลต่อขบวนการส่งกระแสประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำ และการรับรู้ เรียกได้ว่ามีบทบาทในพัฒนาการด้านการเรียนรู้ โดยเฉพาะระบบความจำรวมถึงมีการศึกษาในการใช้เพื่อป้องกัน และรักษาโรคความจำเสื่อม (Alzheimer’s disease) ด้วย
        บทบาทสำคัญอีกประการหนึ่งของโคลีน คือ ทำให้ตับสามารถทำการขนถ่ายไขมันได้ (Fat transportation ) และลดการสะสมไขมันในตับ (Hepatic steastosis) การทดลองในหนูพบว่า หากขาดโคลีนก็จะเกิดการสะสมไขมันที่ตับ การศึกษาวิจัยในคนก็พบว่า ผู้ที่ได้รับอาหารทางเส้นเลือด และมีการขาดโคลีนก็จะเพิ่มไขมันสะสมในตับเช่นกัน และยังมีระดับเอนไซม์ของตับสูงขึ้น ซึ่งเป็นอาการของภาวะตับอักเสบอีกด้วย  และเมื่อได้รับโคลีนก็จะลดการสะสมไขมัน และลดการอักเสบของตับได้จริง สำหรับสัตว์ทดลอง เช่น หนู สภาวะที่ตับมีไขมันสะสมนี้ ยังร่วมไปกับเพิ่มอัตราการเป็นมะเร็งที่ตับได้ ในทางกลับกันเมื่อหนูทดลองเหล่านี้ได้รับโคลีนเสริม ก็ลดการเกิดมะเร็งในตับได้เช่นกัน.

             นอกจากประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว โคลีนยังมีประโยชน์ในด้านช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด และหลอดเลือดหัวใจด้วย.

             ปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกายใน 1 วัน (Adequate Intake) สำหรับผู้ใหญ่เพศชาย และ หญิง คือ 550 mg และ 425 mg ตามลำดับ มีรายงานการวิจัยถึงผลกระทบของการขาดโคลีนในมนุษย์ว่าจะมีผลทำให้ปริมาณโคลีนลดลง และเกิดความเสียหายต่อตับได้.

        วิตามินบี-คอมเพล็กซ์ คืออะไร?
              วิตามิน บี-คอมเพล็กซ์ หรือ วิตามินบีรวม เป็นกลุ่มของวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาท และความ สมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ ช่วยบำรุงร่างกาย ผิวหนัง และระบบประสาท วิตามินบีรวมประกอบด้วย วิตามินบี 1 (Thiamine), วิตามินบี 2 (Riboflavin) , วิตามินบี 3 (Niacin), วิตามินบี 5 (Pantothenic acid), วิตามินบี 6 (Pyridoxin), วิตามินบี 12 (Cyanocobalamin) นอกจากนี้ยังมีกรดโฟลิค (Folic acid) โคลีน (Choline) อิโนซิทอล (Inositol) และไบโอติน (Biotin) อีกด้วย.

        วิตามินบีต่าง ๆ มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
        วิตามินบี1 (Thiamine) มีความสำคัญต่อเมตาบอลิสมของคาร์โบไฮเดรต.
        หากขาดจะทำให้เกิดโคเหน็บชา และจะแสดงอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ระบบหัวใจ และหลอดเลือด ทางระบบประสาทจะมีอาการชาตามมือตามเท้า ตากระตุก แขนขาอ่อนแรง ส่วนอาการทางสมองพบว่า เนื้อสมองจะถูกทำลาย ผู้ป่วยจะมีอาการความจำเสื่อม ซึมเศร้า กระสับกระส่าย ทางระบบหัวใจ และหลอดเลือดพบว่า หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หัวใจมีขนาดโตขึ้น และมีความผิดปกติของการบันทึกคลื่นหัวใจ

        วิตามินบี2 (Riboflavin) มีความจำเป็นต่อการหายใจของเซลล์เมตาบอลิสมของคาร์โบไฮเดรต และไขมัน เป็น co-enzyme ในการเปลี่ยนวิตามินบี 6 และกรดโฟลิค ให้อยู่ในรูป active ทั้งยังทำหน้าที่รักษาสภาพของเยื่อบุผิวและ mucosa ให้เป็นปกติ
        หากขาดจะมีอาการแสดงทางตา ริมฝีปาก และผิวหนัง เริ่มแรกนั้นริมฝีปากจะอักเสบ แห้ง และแตก มุมปากจะซีด แตก เรียกลักษณะดังกล่าวว่าปากนกกระจอก (Angular stomatitis) และเมื่อเป็นมากขึ้น จะมีอาการทางผิวหนัง ใบหน้ามีสะเก็ดมันๆ ต่อมาจะมีอาการอักเสบของตา ตาสู้แสงไม่ได้ คันตา และแสบลูกตา.

        วิตามินบี 3 (Niacin) มีบทบาทในกระบวนการ Glycolysis, Krebs cycle และการสังเคราะห์กรดไขมัน
        หากขาด จะมีผลต่อระบบประสาท โดยมีผลต่อระบบประสาทส่วนปลาย ไขสันหลัง และสมอง เช่น ปลายประสาทอักเสบ ซึ่งอาจมีอาการคลุ้มคลั่ง ชัก และหมดสติก่อนตาย รวมถึงยังมีผลต่อระบบผิวหนัง ทำให้มีลักษณะผิวหนังหยาบ เป็นจ้ำสีม่วงหรือเข้ม นอกจากนี้ยังมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร เริ่มตั้งแต่มีร่องแตกที่บริเวณริมฝีปาก เยื่อบุลิ้นจะฝ่อ ลีบ มีอาการอักเสบของลำไส้เล็ก และมีเลือดออก ท้องเดิน.

        วิตามินบี 5 (Pantothenic acid) มีความเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาชีวเคมีในร่างกายหลายอย่าง เช่น การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต การสร้างกลูโคส การสังเคราะห์กรดไขมัน และเสตียรอยด์ฮอร์โมน
        หากขาดอาจจะมีอาการปวดท้อง อาเจียน และเป็นตะคริว กล้ามเนื้ออ่อนตัวลง อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ.

        วิตามินบี 6 (Pyridoxine) เป็น co-enzyme ที่จำเป็นต่อการผลิตสารสื่อประสาทหลายชนิด มีความสำคัญต่อปฏิกิริยาทั้งหมดในเมตาบอลิสมของกรดอะมิโน มีบทบาทในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง
        หากขาดจะพบอาการโลหิตจาง อ่อนเพลีย เป็นแผลที่มุมปาก ริมฝีปากอักเสบ ชาปลายมือปลายเท้า ผิวหนังเป็นจ้ำๆ สีม่วง และมีอาการทางประสาท เช่น มีความคิดสับสน ซึมเศร้า และอาจจะเกิดอาการชักได้.

        วิตามินบี 12 (Cyanocobalamin) มีบทบาทในเมตาบอลิสมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน รวมถึงมีบทบาทในการเจริญ การแบ่งตัวของเซลล์ และการสังเคราะห์สารที่หุ้มเส้นประสาท (myelin) ด้วย
        หากขาดจะมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากมีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ผิว โดยเฉพาะเยื่อบุทางเดินอาหาร เช่น ทำให้ลิ้นอักเสบ และมีการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุตลอดทางเดินอาหาร และเนื่องจากมีความสำคัญต่อการสร้างสารที่หุ้มเส้นประสาท (myelin) ดังนั้น ผู้ที่ขาดจะทำให้มีอาการทางประสาท เช่น ชาตามมือและเท้า เมื่อเป็นมากขึ้นจะมีอาการสับสน ประสาทหลอนได้ รวมถึงมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตอย่างปกติของเม็ดเลือดแดง หากร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้ จะทำให้โลหิตจาง .


        Choline-B
        โคลีน - บี

        ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โคลีน ไบทาร์เทรต ผสมวิตามินบีคอมเพล็กซ์ ชนิดแคปซูล ตรา กิฟฟารีน
        ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล
        โคลีนไบร์ทาร์เทรต 445.75 มก. (ให้โคลีน 183.34 มก.) วิตามินบี 1, วิตามินบี 2 และวิตามินพรีมิกซ์รวม 19.64 มก. (ให้วิตามินบี 1 0.30 มก.,วิตามินบี 2 0.34 มก., วิตามินบี 3 3.71 มก., วิตามินบี5 1.22 มก., วิตามินบี 6 0.46 มก. และวิตามินบี 12 0.55 มคก.)
        วิธีรับประทาน รับประทานวันละ 1-3 แคปซูล พร้อมอาหาร
        ขนาด 30 แคปซูล รหัส 41007 ราคา 280 210 บาท.-
        คำเตือน อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค .

        เรื่องน่ารู้ของโคเอนไซม์ คิวเทน และสารอาหารที่ช่วยในเรื่องหัวใจ


        เรื่องน่ารู้ของโคเอนไซม์ คิวเทน และสารอาหารที่ช่วยในเรื่องหัวใจ

        Coenzyme Q10, Taurine,  L-Carnitine & Citrus Bioflavonoid

               โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าโค-คิวเทน (Co-Q10) เป็นสารที่พบในร่างกายตามธรรมชาติ ร่างกายต้องใช้โคเอนไซม์ คิวเทนในการเจริญเติมโตของเซลล์ รวมถึงปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย อันเป็นสาเหตุนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็ง.


        สรุปคุณสมบัติของโคเอนไซม์ คิวเทน 

        ลดความเสี่ยงในคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด    หรือภาวะหัวใจล้มเหลวจากการเลือดคั่ง (Congestive Heart Failure) ทั้งนี้มีงานวิจัยสนับสนุนว่า การรับประทานโคเอนไซม์ คิวเทน 120 มิลลิกรัมต่อวัน ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดจะช่วยลดอาการเป็นซ้ำ และลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ และในปริมาณสูงยังมีประโยชน์ในการผ่าตัดหัวใจ โดยทำให้หัวใจทนทานต่อการขาดเลือด และฟื้นฟูตัวได้ดีขึ้น.

        มีบทบาทสำคัญในการทำลายสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น  ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย จึงช่วยป้องกันเรื่องหลอดเลือดหัวใจอันเกิดจากการที่แอลดีแอลโคเลสเตอรอล (LDL Cholesterol) ถูกออกซิไดซ์ (Oxidized) ด้วยอนุมูลอิสระ และสะสมในผนังหลอดเลือด ก่อให้เกิดการอักเสบ และผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้นกลายเป็นพล๊าค (Plaque) หรือตะกอนในผนังเส้นเลือด เกาะที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดแข็ง ไม่ยืดหยุ่น และตีบตัน นำมาซึ่งปัญหาเรื่องโรคหัวใจได้.

        ช่วยลดระยะเวลาที่ปวดต่อครั้ง  รวมถึงความถี่ในการปวดหัวไมเกรน (migraine) ทั้งนี้มีงานวิจัยที่แสดงว่า การให้กลุ่มที่เข้ารับการทดสอบ 31 คน ได้รับโคเอนไซม์ คิวเทน ปริมาณ 150 มิลลิกรัมต่อวัน พบว่า 19 คน จาก 31 คน มีระยะเวลาที่ปวดไมเกรนในแต่ละครั้งลดลงมากกว่า 50% กล่าวคือระยะเวลาที่ปวดโดยเฉลี่ย 7.34 วันต่อเดือน ลดลงเหลือ 2.95 วันต่อเดือน หลังจากได้รับโคเอนไซม์ คิวเทนเป็นระยะเวลา 3 เดือน และช่วยลดความถี่ในการปวดจากเดิมที่ความถี่ 4.85 เหลือ 2.81 โดยไม่มีผลข้างเคียง.

        โคเอนไซม์ คิวเทน ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างพลังงานของร่างกาย  โดยจะช่วยในการเปลี่ยนอาหารที่เรารับประทานเข้าไปเป็นพลังงานในไมโตรคอนเดรียที่อยู่ในเซลล์ร่างกาย ถือว่ามีบทบาทสำคัญในไมโตรคอนเดรียอันเป็นแหล่งผลิตพลังงานของเซลล์ (key role in mitochondrial bioenergetics) จึงพบโคเอนไซม์ คิวเทนได้มากในอวัยวะที่ใช้พลังงานในการทำงานมาก เช่น หัวใจ ปอด และตับ.

        อาจมีประโยชน์ในผู้ป่วยทาลัสซีเมียรุนแรง ชนิดเบต้า ทาลัสซีเมีย อี (beta-thalassemia/HbE)  ซึ่งจะมีระดับโคเอนไซม์ คิวเทนในเลือดต่ำลง  การให้โคเอนไซม์ คิวเทนทำให้ลดภาวะออกซิเดชั่นภายในเซลล์ และอาจทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น.

        อาจจะมีประโยชน์ในโรคทางสมอง  ได้แก่ โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ (Dementia) โรคความจำเสื่อม (Alzheimer's disease) และโรคปาร์กินสัน (Parkinson's disease) โรคหอบหืด (Bronchia asthma) โรคไตเสื่อมเรื้อรัง (Tubulopathy and Chronic tubulointersticial nephritis) แม้ว่าการวิจัยสำหรับโรคปาร์กินสัน โรคหอบหืด และโรคไต พบว่ายังไม่ได้ผลในการรักษา แต่โรคเหล่านี้มีกลไกจากความเสื่อมของเซลล์ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระมีบทบาท และพบว่าระดับโคเอนไซม์ คิวเทนในเลือดต่ำลงในโรคเหล่านี้ด้วย อีกทั้งมีความปลอดภัย และมีประโยชน์จากการวิจัยในระดับเซลล์ และในสัตว์ทดลอง ปัจจุบันมีงานวิจัยในคนที่มากขึ้นสำหรับโรคทางสมองเสื่อม อีกหลายชนิด.

        กล่าวโดยสรุปโคเอนไซม์ คิวเทนมีบทบาทสำคัญมากมายรวมถึงประโยชน์ต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ไม่ว่าจะช่วยในเรื่องหัวใจ การเป็น Antioxidant ที่ทำลายอนุมูลอิสระ เกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างพลังงานของเซลล์ รวมถึงช่วยในเรื่องการปวดหัวไมเกรน อาจจะมีประโยชน์ในผู้ป่วยทาลัสซีเมียรุนแรง ชนิดเบต้า ทาลัสซีเมีย อี (beta-thalassemia/HbE) และอาจจะมีประโยชน์ในโรคทางสมอง ได้แก่ โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ โรคความจำเสื่อม และโรคปาร์กินสัน ดังกล่าวมาแล้วเบื้องต้น.

        เนื่องจากปริมาณของโคเอนไซม์ คิวเทนที่มีในร่างกายจะลดลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น การรับประทานโคเอนไซม์ คิวเทนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการเสริมสุขภาพ.

        สรุปคุณสมบัติของทอรีน (Taurine)
        ทอรีนเป็นกรดอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมทำเป็นอาหารเสริมในต่างประเทศ พบมากในสมอง ในหัวใจ ในจอตา และในกล้ามเนื้อ ในน้ำนมของมนุษย์ มีส่วนในการเมตาบอลิซึมเซลล์ต่างๆ ทั้งเรื่องการคุมการทำงานของแคลเซียมในเซลล์ และการเผาผลาญน้ำตาล ช่วยในการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ปัจจุบันนิยมใช้ในเรื่องบำรุงหัวใจ และเบาหวาน.

        ทอรีนเป็นกรดอะมิโนที่มีบทบาทสำคัญในร่างกาย ทอรีนจะเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำดี ทั้งนี้มีรายงานวิจัยสนับสนุนว่าการเสริมทอรีนให้แก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรือภาวะหัวใจล้มเหลวจากเลือดคั่ง (Congestive Heart Failure) ให้ผลที่ดี และมีความปลอดภัย.

        สรุปคุณสมบัติของแอล-คาร์นิทีน (L-Carnitine)
        แอล-คาร์นิทีนเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นได้เอง มีบทบาทในการบวนการเผาผลาฐ โดยเป็นตัวนำกรดไขมันเข้ามาสู่ไมโตคอนเดรียของเซลล์ มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่า แอล-คาร์นิทีนมีประโยชน์ในการช่วยรักษาโรคหัวใจขาดเลือดหรือภาวะหัวใจล้มเหลวจากเลือดคั่ง (Congestive Heart Failure).

        สรุปคุณสมบัติของซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ (Citrus Bioflavonoid)
        ซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ ถือเป็นสารอาหารสำคัญจากพืชผัก และผลไม้ที่เรียกว่าไฟโตริวเทรียนท์(Phytonutrients) ชนิดหนึ่ง จัดเป็นแหล่งสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาโวนอยด์ก็เป็นหนึ่งในไฟโตรนิวเทรียนท์ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีคุณสมบัติด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีงานวิจัยยืนยันยอมรับทั่วโลกในการต่อต้านการเป็นมะเร็ง และการเป็นโรคหัวใจ



        Co-Q10 MAXX
        โค-คิวเทน แมกซ์

        ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โคเอนไซม์ คิวเทน ผสมแอล-คาร์นิทีน และซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ ชนิดแคปซูล ตรา กิฟฟารีน
        ส่วนประกอบสำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล
        ทอรีน 150.00 มก.
        แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรต (ให้ แอล-คาร์นิทีน 100 มก.) 146.63 มก.
        โคเอนไซม์ คิวเทน 30.00 มก.
        ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ 30.00 มก.
        ขนาดรับประทาน วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
        ขนาด 30 แคปซูล รหัส 41015 ราคา 660 495 บาท.-
        คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค.

        เรื่องน่ารู้ของวิตามิน และเกลือแร่

        Vitamin & Minerals
         -สรุปคุณสมบัติของวิตามิน
        เป็น สารที่ร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยต่อวัน แต่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ตั้งแต่การหายใจของเซลล์ การสร้างเนื้อเยื่อ การผลิตพลังงานสำหรับดำรงชีวิต จำเป็นสำหรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น การสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของระบบประสาท การมองเห็น การสร้างกระดูก จึงเป็นสารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย และร่างกายขาดไม่ได้

        Vitamin A วิตามินเอ  ช่วยการมองเห็นในที่มืด ทำให้การเจริญ และการพัฒนาของเซลล์บุผิวเป็นปกติ มีบทบาทในการเจริญเติมโตของกระดูก ฟัน ทารกในครรภ์ ถ้าขาดจะเกิดอาการเกี่ยวกับตา (เยื่อตาแห้ง เหี่ยวย่น กลัวแสงสว่าง) อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ (เยื่อบุทางเดินหายใจลอกหลุดง่ายทำให้ติดเชื้อได้ง่าย) และอาการเกี่ยวกับผิวหนัง (ทำให้ผิวหนังแห้ง หยาบกร้าน เป็นเกล็ด)

        Vitamin D วิตามินดี ช่วยในเรื่องการดูดซึมแคลเซียม ถ้าขาดจะทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลง ทำให้ต้องดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ส่งผลทำให้กระดูกอ่อน และจะมีอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ปวดข้อ โลหิตจาง อ่อนเพลีย กล้ามเนื้อไม่มีแรง

        Vitamin E วิตามินอี เป็น antioxidant  ช่วยป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่แตกง่าย มีความจำเป็นต่อการเจริญ และพัฒนาของเซลล์ประสาท ถ้าขาดเม็ดเลือดแดงจะมีชีวิตสั้น รวมถึงมีผลต่อการเจริญของกล้ามเนื้อด้วย

        Vitamin K วิตามินเค ช่วยเสริมสร้างการทำงานของตับในการสร้างสารที่จำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือด หลายชนิด ได้แก่ prothrombin, proconvertin ถ้าขาดจะทำให้เลือดแข็งตัวช้า

        Vitamin B1 วิตามินบี 1 มี ความจำเป็นต่อระบบเผาผลาญอาหาร และระบบประสาทของร่างกาย ถ้าขาดจะเป็นโรคเหน็บชา อาการสำคัญจะเกี่ยวข้องกับระบบประสาท ระบบหัวใจ และหลอดเลือด โดยทางระบบประสาทจะมีอาการชาตามมือตามเท้า ตากระตุก แขนขาอ่อนแรง ส่วนอาการทางสมองพบว่า เนื้อสมองจะถูกทำลาย ผู้ป่วยจะมีอาการความจำเสื่อม สำหรับทางระบบหัวใจ และหลอดเลือดพบว่าหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หัวใจมีขนาดโตขึ้น

        Vitamin B2 วิตามินบี 2 มี ความจำเป็นต่อการหายใจของเซลล์ และการรักษาสภาพของเยื่อบุผิว ถ้าขาดในช่วงเริ่มแรก ริมฝีปากจะอักเสบ แห้ง และแตก มุมปากจะซีดแตก (โรคปากนกกระจอก) และเมื่อเป็นมากขึ้นจะมีอาการทางผิวหนัง ใบหน้ามีสะเก็ดมันๆ ต่อมาจะมีอาการอักเสบของตา ตาสู้แสงไม่ได้ ตันตา และแสบลูกตา

        Niacin or Vitamin B3 ไนอะซิน หรือวิตามินบี 3 มีส่วนช่วยในการผลิตกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ถ้าขาดจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนปลาย เช่น ปลายประสาทอักเสบ ไขสันหลัง และสมอง ซึ่งอาจมีอาการคลุ้มคลั่ง และชัก หมดสติ นอกจากนี้ยังมีผลต่อระบบผิวหนัง คือ ผิวหนังมีลักษณะหยาบ เป็นจ้ำ สีม่วงหรือสีเข้ม รวมถึงมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร คือ ลำไส้เล็กอักเสบ ท้องเดิน

        Pantothenic acid or Vitamin B5 กรดแพนโทธินิค หรือวิตามินบี 5 มี ความเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาชีวเคมีในร่างกายหลายอย่าง เช่น การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต การสังเคราะห์กรดไขมัน ถ้าขาดอาจจะมีอาการปวดท้อง อาเจียน และเป็นตะคริว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ

        Vitamin B6 or Pyridoxin วิตามินบี 6 หรือไพริดอกซิน มีความสำคัญต่อปฏิกิริยาทั้งหมดในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยา ชีวเคมี (metabolism) ของกรดอะมิโน (สร้าง และสลายโปรตีน) มีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ถ้าขาดจะมีอาการอ่อนเพลีย ชาตามปลายมือ ปลายเท้า โลหิตจาง รวมถึงมีอาการทางประสาท เช่น สับสน ซึมเศร้า และชัก

        Folic acid or Vitamin B9 กรดโฟลิก หรือวิตามินบี 9 มีบทบาทในการสังเคราะห์ DNA & RNA รวมถึงการสังเคราะห์กรดอะมิโนบางตัว เช่น glycine, methionine และทำงานร่วมกับ B12 ในการสร้างเม็ดเลือด ถ้าขาดจะเกิดอาการปากเปื่อย ลิ้นแดงอักเสบ ท้องเดิน น้ำหนักตัวลด เป็นโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงโตกว่าปกติ (Megaloblastic anemia) ผมหงอกเร็ว เฉื่อยชา เกียจคร้าน ขี้ลืม แก่เร็ว

        Vitamin B12 วิตามินบี 12 มีความจำเป็นต่อกระบวนการที่เกี่ยวกับปฏิกิริยาทางชีวเคมี (metabolism) ของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน มีบทบาทในการเจริญ และแบ่งตัวของเซลล์รวมทั้งการสังเคราะห์ myelin (สารหุ้มเส้นประสาท) ด้วย มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ผิวโดยเฉพาะเยื่อบุทางเดินอาหาร ถ้าขาดจะมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร โลหิตจาง ชาตามมือ และเท้า ถ้าขาดมากจะมีอาการสับสน และประสาทหลอนได้

        Biotin or Vitamin H หรือวิตามินเอช ถ้าขาดจะเป็นโรคผิวหนัง ผิวหนังมีสีเทา อ่อนเพลีย โลหิตจาง โคเลสเตอรอลในเลือดสูงกว่าปกติ

        Vitamin C วิตามินซี มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างคอลลาเจน เป็น antioxidant ช่วยเพิ่มการดูดซึมของเหล็ก ถ้าขาดจะมีเลือดออกตามไรฟัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหงือกบวม ฟันหลุดง่าย

        สรุปคุณสมบัติของเกลือแร่
        คือ สารอนินทรีย์ ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในร่างกายมนุษย์ เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับระบบการหายใจ และระบบเอนไซม์ ช่วยควบคุมการซึมผ่านผนังเยื่อเซลล์ และหลอดเลือดฝอยต่างๆ

        Calcium แคลเซียม  มีบทบาทในการสร้างกระดูก และฟัน มีความสำคัญในการควบคุมการเต้นของหัวใจ การส่งสัญญาณประสาท ช่วยในระบบเอนไซม์หลายชนิด ถ้าขาดจะเป็นโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ การเจริญเติบโตช้า กระดูกอ่อน ฟันผุ

        Iron เหล็ก  รวมกับโปรตีน และทองแดงเพื่อสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเลือด จำเป็นสำหรับเอนไซม์ช่วยในการเผาผลาญโปรตีน ถ้าขาดจะเป็นโรคโลหิตจาง เนื่องจากจำนวนฮีโมโกลบินลดน้อยลงในเม็ดเลือดแดง ผิวหนังซีด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดหัว ความต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง

        Iodine ไอโอดีน  จำเป็นสำหรับสุขภาพ และการทำหน้าที่ของต่อมไธรอยด์ สำหรับผลิตฮอร์โมนที่ชื่อไธรอกซิน และไตรไอโอโดไธโรนิน ซึ่งจะช่วยควบคุมการเผาผลาญการผลิตพลังงาน และอัตราการเจริญเติบโต รวมถึงยังช่วยในการรักษาผิวหนัง เล็บ และผม ให้มีสุขภาพดี ถ้าขาดจะเซื่องซึม เหนื่อยง่าย ความดันต่ำ ผิวหนัง และผมแห้ง เป็นโรคคอพอก โคเลสเตอรอลสูง เป็นโรคหัวใจ ไม่สนใจทางเพศ

        Zinc สังกะสี ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิด ซึ่งสำคัญในการย่อยอาหาร และการเผาผลาญ จำเป็นสำหรับการหายใจของเนื้อเยื่อ จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ถ้าขาดจะทำให้การเจริญเติบโตช้า แผลหายช้า เป็นโรคผิวหนัง มีจุดขาวที่เล็บ เบื่ออาหาร ผมร่วง มีรังแค การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ผนังหลอดเลือดแข็ง

        Copper ทองแดง  จำเป็นเพื่อให้เหล็กถูกดูดซึม และจำเป็นสำหรับการเผาผลาญโปรตีนร่วมกับวิตามินซี ในการสร้างอีลาสตินสำคัญในระบบโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ถ้าขาดจะมีอาการโลหิตจางเนื่องจากการดูดซึมเหล็กไม่ดี ผมร่วง ผมหงอก มีแผลที่ผิวหนัง

        Manganese แมงกานีส  มีความสำคัญในระบบเอนไซม์ต่างๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ช่วยในการขนส่งสัญญาณระหว่างสมอง ประสาท และกล้ามเนื้อ จำเป็นสำหรับระยะให้นมลูก และการสร้างเสริมระบบโครงสร้างของร่างกาย ถ้าขาดการเจริญเติบโตจะช้า กล้ามเนื้อไม่มีแรง การทรงตัวไม่ดี การสร้างกระดูก และกระดูกอ่อนผิดปกติ

        Selenium ซีลีเนียม  เป็น antioxidant ทำงานใกล้ชิดกับวิตามินอี เพื่อรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่น และช่วยทำให้หัวใจทำหน้าที่ได้ดีขึ้น สำคัญในการช่วยไม่ให้เป็นหมัน โดยช่วยให้เชื้ออสุจิมีความแข็งแรง ช่วยเพิ่มความต้านทางต่อการเป็นโรค ถ้าขาดจะทำให้แก่ก่อนวัย กล้ามเนื้อฝ่อ เป็นโรคหัวใจ และอาจเป็นหมัน มะเร็งในระบบย่อยอาหาร

        Molybdenum โมลิบดีนัม เป็นส่วนประกอบในเอนไซม์หลายชนิด  เป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับเอนไซม์ แซนธีน ออกซิเดส ซึ่งสำคัญในการเคลื่อยย้ายเหล็กออกจากตับ และจำเป็นสำหรับเอนไซม์อัลดีไฮด์ ออกซิเดส ซึ่งสำคัญในกระบวนการออกซิเดชั่น

        Chromium โครเมียม เป็นแร่ธาตุจำเป็นช่วยในการควบคุมการเผาผลาญของกลูโคส ตามปกติสำคัญในการสังเคราะห์กรดไขมัน และโปรตีน

         สำหรับความต้องการของ วิตามิน และเกลือแร่ในแต่ละวัน สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา ได้จัดทำบัญชีสารอาหารที่แนะนำให้ควรบริโภคประจำวันสำหรับคนไทย อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป (Thai Recommended Daily Intakes - Thai RDI) ขึ้น โดยมีข้อมูลของวิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ ดังนี้
        1. วิตามินเอ 2.664 หน่วยสากล
        2. วิตามินบี 1 1.5 มิลลิกรัม
        3. วิตามินบี 2 1.7 มิลลิกรัม
        4. ไนอะซิน 20 มิลลิกรัม เอ็น อี
        5. วิตามินบี 6 2 มิลลิกรัม
        6. โฟเลต 200 ไมโครกรัม
        7. ไบโอติน 150 ไมโครกรัม
        8. กรดแพนโทธินิค 6 มิลลิกรัม
        9. วิตามินบี 12 2 ไมโครกรัม
        10. วิตามินซี 60 มิลลิกรัม
        11. วิตามินดี 200 หน่วยสากล
        12. วิตามินอี 200 หน่วยสากล
        13. วิตามินเค 80 ไมโครกรัม
        14. แคลเซียม 800 มิลลิกรัม
        15. เหล็ก 15 มิลลิกรัม
        16. ไอโอดีน 150 ไมโครกรัม
        17. สังกะสี 15 มิลลิกรัม
        18. ทองแดง 2 มิลลิกรัม
        19. แมงกานีส 3.5 มิลลิกรัม
        20. โมลิบดินัม 160 ไมโครกรัม
        21. โครเมียม 130 ไมโครกรัม
        22. ซิลีเนียม 70 ไมโครกรัม
        23. ฟอสฟอรัส 800 มิลลิกรัม
        24. แมกนีเซียม 350 มิลลิกรัม
        25. โพแทสเซียม 3,500 มิลลิกรัม
        26. โซเดียม 2,400 มิลลิกรัม
        27. ฟลูออไรด์ 2 มิลลิกรัม
        28. คลอไรด์ 3,400 มิลลิกรัม


        Supra Vit-M
        ซูปรา วิต-เอ็ม

        ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน และเกลือแร่รวมผสมไลโคปีน ชนิดเม็ด ตรา กิฟฟารีน
        ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 เม็ด
        ไดแคลเซียมฟอสเฟต ไดไฮเดรต 625 มก.
        ผงวิตามิน และเกลือแร่รวม 250 มก.
        ไลโคปีน 10% 30 มก.
        ขนาดรับประทาน วันละ 1 เม็ดพร้อมอาหาร
        คำเตือน อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
        ขนาด 60 เม็ด รหัส 40514 ราคา 480 360 บาท .


        Supra Vit-W
        ซูปรา วิต-ดับเบิ้ลยู

        ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน และเกลือแร่รวมผสมจมูกถั่วเหลือง ชนิดเม็ด ตรา กิฟฟารีน
        ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 เม็ด
        ไดแคลเซียมฟอสเฟต ไดไฮเดรต 625 มก.
        ผงวิตามิน และเกลือแร่รวม 250 มก.
        จมูกถั่วเหลือง 100 มก.
        ขนาดรับประทาน วันละ 1 เม็ดพร้อมอาหาร
        คำเตือน อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
        ขนาด 60 เม็ด รหัส 40516 ราคา 480 360 บาท.

        เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา


        เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา

        Fish Oil
        ในปัจจุุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ว่า น้ำมันปลา คือ หนึ่งในอาหารเสริมสุขภาพที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ให้ผลดีมากในการลดไขมันในเลือด และลดระดับไตรกรีเซอไรด์ในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันสูง และโรคเบาหวาน
        น้ำมันปลาแตกต่างจากน้ำมันตับปลาอย่างไร?
        คนไทยเรารู้จัก "น้ำมันตับปลา" มาเป็นเวลานาน โดยใช้เป็นอาหารเสริมซึ่งมีวิตามินที่สำคัญ คือ วิตามินเอ และ ดี น้ำมันตับปลาเป็นน้ำมันที่สกัดจากตับปลาทะเลบางชนิด อาทิเช่น ปลาคอด (COD) ส่วนน้ำมันปลาที่เราจะกล่าวถึงนี้ไม่ใช่น้ำมันตับปลา แต่เป็นน้ำมันที่สกัดมาจากส่วนหัวหรือเนื้อของปลาทะเล ในน้ำมันปลานี้จะอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty Acid) ซึ่งร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ กรดไขมันจำเป็นชนิดนี้เป็นกรดไขมันประเภทไม่อิ่มตัว มีชื่อเรียกว่า "โอเมก้า-3" (Omega-3) ซึ่งมีอยู่ในน้ำมันปลาเป็นปริมาณมาก

        น้ำมันปลาประกอบด้วยอะไรบ้าง?
        น้ำมันปลาประกอบด้วยกรดไขมันจำเป็นประเภทโอเมก้า-3 อยู่มาก ซึ่งในกลุ่มของโอเมก้า-3 นั้นเรายังสามารถแบ่งได้อีกเป็น 2 ชนิดที่สำคัญ ได้แก่
        1. กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid) หรือ DHA
        2. กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (Eicosapentaenoic Acid) หรือ EPA
        น้ำมันปลาช่วยลดไขมันในเลือดได้อย่างไร?
        จากการศึกษาพบว่า สามารถลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ถึง 19-24% แต่ไม่ลดคลอเลสเตอรอล การที่มีน้ำมันปลาสามารถลดไขมันในเลือดได้นี้ เชื่อว่าเกิดจาก DHA/EPA ลดการสร้างไตรกลีเซอไรด์ลง โดยไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในตับชื่อ Acylransferases และ Phosphatidatephosphohydrolase นอกจากนี้น้ำมันปลายังช่วยเพิ่มปริมาณของ HDL (Highdensity lipoprotein) ซึ่งจะทำให้มีการเก็บโคเลสเตอรอลในเลือด และผนังหลอดเลือดกลับสู่ตับ และเปลี่ยนเป็นน้ำดีเพื่อขับออกนอกร่างกาย

        น้ำมันปลาช่วยลดการบวมของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้อย่างไร?
        สาร DHA/EPA จะลดการสร้างโพรสตาแกลนดิน (Prosta Glandin) ชนิดลิวโคไตรอีน (Leukotrienes) ซึ่งเป็นสารก่อการอักเสบ (Proinfammatory Mediator) ทำให้สามารถลดการอักเสบ และบวมของข้อได้

        จากการทดลองของ Tulleken และคณะ ได้ให้ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) รับประทานน้ำมันปลา 12 กรัม/วัน พบว่าการบวมของข้อ (Joint Swelling Index) รวมทั้งการเคลื่อนไหวลำบากของข้อ (Duration of Morning Stiffness) ลดลง ซึ่งเราสามารถใช้น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมร่วมกับยาที่ใช้อยู่เพื่อลดการบวม และการอักเสบของข้อได้

        น้ำมันปลาจะช่วยโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้อย่างไร?
        น้ำมันปลาช่วยในโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (Coronary Heart Disease) โดยกลไกของการจับตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนคล่องขึ้น จึงลดทั้งอบัติการณ์การเป็นโรคนี้ และลดอัตราการตีบซ้ำในผู้ที่เป็นโรคนี้แล้ว

        สาร DHA ในน้ำมันปลาช่วยบำรุงสมองได้อย่างไร?
        ในประเทศญี่ปุ่นช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผลงานวิจัยแสดงผลอย่างชัดเจนว่า สาร DHA ในน้ำมันปลานั้นมีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง โดยสาร DHA จะช่วยบำรุงสมองให้ทำงานดีขึ้น DHA ผ่านเข้าไปในสมอง และเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาทที่เรียกว่า Dendrite บริเวณของ Dendrite นี้จะทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณ และผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ดังนั้นจึงมีการแนะนำให้รับประทานเนื้อปลา



        รหัส 40205 ขนาด 1,000 มก. บรรจุ 90 แคปซูล ราคา 540 405 บาท
        รหัส 40206 ขนาด 1,000 มก. บรรจุ 50 แคปซูล ราคา 350 262.50 บาท
        รหัส 40207 ขนาด 500 มก. บรรจุ 90 แคปซูล ราคา 320 240 บาท
        รหัส 40208 ขนาด 500 มก. บรรจุ 50 แคปซูล ราคา 200 150 บาท

        คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค.

        เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสาหร่ายสไปรูลิน่า


        เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสาหร่ายสไปรูลิน่า

         Spirulina
                     สาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นสาหร่ายรูปเกลียวขนาดเล็กมาก จนต้องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ นับเป็นอาหารเสริมสุขภาพที่มีสารอาหารหลากหลายมากที่สุดตัวหนึ่งของโลก สาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นแหล่งของโปรตีนสมบูรณ์แบบ ที่เพียบพร้อมด้วยกรดอะมิโนชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 8 ชนิด (กรดอะมิโนเอสเซนเชียล, ไอโซลิวซีน, ลิวซีน, เมไธโอนีน, เฟนนิลอะลานิน, ทรีโอนีน, วาลีน) และอื่นๆ อีกกว่า 10 ชนิด โปรตีนสมบูรณ์เหล่านี้อยู่ในรูปที่ย่อยง่าย ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็ว สาหร่ายสไปรูลิน่ายังมีกรดไขมันที่จำเป็น และเป็นแหล่งของธาตุเหล็ก และโฟลิค แอซิด (Folic Acid) ชั้นดี ซึงมีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง สาหร่ายสไปรูลิน่ายังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยชะลอความเสื่อมชราของร่างกาย และลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินอี สะกะสี และซิลิเนียม ซึ่งยังช่วยละระดับไขมันในเลือดอีกด้วย สาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นสารอาหารจากพืช เป็นอาหารที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่รับประทานเจ และมังสวิรัติ เพราะมีโปรตีนสูง และมีวิตามินที่ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง (ซึ่งอาจพบได้ในผู้ที่รับประทานอาหารเจ และมังสวิรัติ).


        คุณค่าทางโภชนาการเมื่อเทียบกับอาหารอื่น
        •  มีโปรตีนสูงกว่าเนื้อวัว 3-4 เท่า มากกว่าไข่ 4-5 เท่า
        •  มีกรดอะมิโนทั้ง 8 ชนิด ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ครบถ้วน
        •  มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินเอ ที่มีมากกว่าแครอทถึง 20-25 เท่า
        •  มีวิตามิน และเกลือแร่อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเมื่อเทียบต่อน้ำหนักกับอาหารชนิดอื่น
        •  มีวิตามินบี 1 มากกว่าผัก ผลไม้ และสัตว์บางชนิดเกือบ 100 เท่า
        •  มีวิตามินบี 2 มากกว่าอาหารอื่นๆ 5-20 เท่า
        •  มีวิตามินบี 12 ซึ่งช่วยเสริมความจำ และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง คนส่วนมากบริโภควิ  ตามินบี 12 จากตับสัตว์เท่านั้น แต่ในสาหร่ายสไปรูลิน่ามีวิตามินบี 12 มากกว่าที่จะพบในตับวัวถึง 2.5 เท่า ดังนั้น นอกเหนือจากเป็นอาหารสมองที่ดีแล้ว ยังเป็นอาหารที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่บริโภคอาหารเจ และมังสวิรัติ
        • มีกรดแกมมา-ไลโนเลนิก (Gamma Linolenic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญในการช่วยลดโคเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
        สาหร่ายสไปรูลิน่า มีผลต่อร่างกายของเราอย่างไร?
        1. ต้านเชื้อไวรัสหลายชนิด (Antiviral) และลดการก่อมะเร็ง (Antimutagenic)
        2. ช่วยกระตุ้น และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
        3. ลดไขมันในเลือด ได้ทั้งโคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ อย่างมีนัยสำคัญ
        4. มีสารเบต้าแคโรทีน ไฟโคไซยานิน และคลอโรฟิลด์ ซึ่งเป็นสารต่าต้านมะเร็ง มีงานวิจัยว่าสามารถลดการเกิดมะเร็งในช่องปากในประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งชนิดนี้
        5. มีกรดอะมิโนเมไธโอนิน ช่วยบำรุงตับ และสามารถลดความเป็นอันตรายต่อตับเมื่อได้รับสารพิษ
        6. มีความปลอดภัยสูง ได้มีการวิจัยความเป็นพิษ และผลต่อการตั้งครรภ์ในสัตว์ทดลอง และพบว่าปลอดภัย.

         Spirina
         สไปริน่า 

        ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสาหร่ายสไปรูลิน่า แคปซูล ตรากิฟฟารีน
        วิธีรับประทาน รับประทานวันละ 3-6 แคปซูล หลังอาหาร
        ขนาด 50 แคปซูล รหัส 41002 ราคา 240 180 บาท
        คำเตือน อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค.



        สั่งซื้อสินค้า และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณทัศนีย์วรรณ์ (น้องออย)
        โทรศัพท์ 082-1853199
        อีเมล์ tana1476@gmail.คอม